แม้โดยทั่วไปคนจะเรียกเขาว่า "นักกีตาร์คลาสสิก" แต่ฮักกี้ ไอเคิลมานน์ เป็นนักกีตาร์ที่ได้สร้างเอกลักษณ์ของตนในวงการดนตรีโลกด้วยผลงานแนวเพลงเวิลด์มิวสิคที่หลากหลายและน่าทึ่งซึ่งเน้นเสียงและจังหวะที่น่าหลงใหลในสำเนียงดนตรีเอเชีย การแสดงของฮัคกี้ดึงดูดผู้ชมได้อย่างล้ำลึกพาพวกเขาเดินทางเปิดโลกกว้างของดนตรีที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมและสไตล์ดนตรีจากทั่วโลกด้วยฝีมือการเล่นกีตาร์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวและความสามารถทางด้านทักษะดนตรีที่เก่งหาตัวจับยากของเขา
ฮัคกี้ ไอเคิลมานน์ นักดนตรีมืออาชีพผู้โชกโชนบนเส้นทางสายดนตรีมานานกว่าห้าทศวรรษ เขาเคยทัวร์ไปทั่วโลกและแสดงที่สถานที่ยอดเยี่ยมหลายแห่งของโลกรวมถึงที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก
ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของศตวรรษที่ 20
ในระยะเวลากว่าสี่สิบปีที่อาศัยอยู่ที่ประเทศไทย เขาเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาด้านดนตรีและการแสดงในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของเทศกาลกีตาร์นานาชาติกรุงเทพฯ และซีรีส์ (พ.ศ. 2527-2532) และเทศกาลศิลปะการแสดงแห่งประเทศไทย (พ.ศ.2540-2543) ซึ่งเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการศิลปวัฒนธรรมในประเทศไทย นอกจากนี้เขายังเป็นผู้อำนวยการของการแสดงโชว์นานาชาติกรุงเทพฯ (พ.ศ. 2543-2555) และผู้อำนวยการฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของเทศกาลกีตาร์แมร์กราเฟลเลอร์ในเยอรมนี (พ.ศ. 2539-2547)
ถึงแม้ว่าจะจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านดนตรีคลาสสิก เขาได้สร้างสรรค์บทเพลงสำหรับการบรรเลงด้วยกีตาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความหลากหลายโดยเชื่อมโยงวัฒนธรรมดนตรีตะวันออกและตะวันตก ผสมผสานดนตรีคลาสสิกให้เข้ากับดนตรีพื้นเมืองและดนตรีสมัยนิยม จนสื่อนานาชาติขนานนามเขาว่า “ทูตวัฒนธรรมดนตรีระหว่างตะวันออกและตะวันตก”
“ฮัคกี้ ไอเคิลมานน์” เป็นชื่อที่คนไทยรู้จักกันมายาวนานกว่าสี่สิบปีเมื่อพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับกีตาร์ เขาเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพิเศษจากการบันทึกผลงานอัลบั้มบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรรเลงด้วยกีตาร์คลาสสิกซึ่งเป็นอัลบั้มตำนานทางดนตรีที่ขายดีที่สุดติดหูผู้ฟังทุกยุคทุกสมัย รวมถึงอัลบั้มเพลงไทยและเพลงเอเชียที่เป็นที่จดจำและนิยมอย่างกว้างขวางหลายอัลบั้มเช่น Gamgah Gamgah, Magical Melodies of Thailand, With Love from Asia, ASEAN Guitar และ Silk & Bamboo (ฮัคกี้และฮาร์วี่ย์)
การสร้างสรรค์ดนตรีและสไตล์การเล่นของฮัคกี้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อคนเล่นกีตาร์รุ่นใหม่ซึ่งมีผู้มองเขาเป็นต้นแบบศึกษาให้หลายๆ คนได้นำไปต่อยอด
นอกจากการทัวร์ทั่วโลกสำหรับโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเยอรมัน เขายังเป็นตัวแทนของประเทศไทยในงานสำคัญต่าง ๆ เช่นเทศกาล “The Taste of Thailand” ที่สวนรีเจนท์พาร์ค ในกรุงลอนดอน “คอนเสิร์ตเนื่องในวโกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครบ 84 พรรษา” ที่บลูมส์ เบอรี เธียเตอร์ ในกรุงลอนดอน พ.ศ. 2555 และ “คอนเสิร์ตคืนแห่งดนตรีเพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” ที่กระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพฯ พ.ศ. 2559 และคอนเสิร์ตซีรีส์ “เสียงมหัศจรรย์แห่งดนตรีไทย” จัดโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสถานทูตไทยในประเทศกัมพูชา เครือข่ายสถานทูตนานาประเทศในประเทศกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชา นอกจากนี้เขายังได้บรรเลงดนตรีประกอบสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ชุด “ดุจแสงสว่างกลางอัมพร” จำนวน 66 ตอนซึ่งเผยแพร่พระราชกรณียกิจในหลากหลายแง่มุม
ในฐานะศิลปินและโปรดิวเซอร์ เขาได้ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญทางดนตรีและนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงมากมาย เช่น ปรมาจารย์ซีตาร์ ราวี แชงการ์, คิทาโร่, คณะบัลเลต์ เดอะสตุ๊ตการ์ท, ชิโกและเดอะยิปซี (คณะ ยิปซีคิงส์), แพท แมททีนี, จอร์จ วินสตัน, ริชาร์ด ฮาร์วี่ย์, คณะบัลเลต์ แจ๊ซ เดอ มอนทรีออล, มาร์ติน เทย์เลอร์, นีน่า คอร์ติ, คาร์ลอส บอเนล, ปาโก ปาเอีย, เดอะลอส เองเจลิส กีตาร์ควอเท็ต, เดวิด รัสเซลล์, ฮวน มาร์ติน และซู เฟย หยาง เป็นต้น